FORM JTEPA คืออะไร?

  • 03 Jul 2020

FORM JTEPA คืออะไร?

JTEPA ย่อมาจาก Japan – Thailand Economic Partnership Agreement หรือ ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น มีจุดมุ่งหมาย 2 ประเด็น คือ    
1. การเปิดเสรีสินค้า บริการ และการลงทุนให้แก่กันและกัน ในระดับที่ต่างฝ่ายต่างรับได้ โดยมีกลไกแก้ปัญหาหากการเปิดเสรีส่งผลกระทบรุนแรง และสำหรับสินค้า บริการ การลงทุนที่ฝ่ายใดยังไม่พร้อมเปิดในขณะนี้ก็สามารถเปิดเจรจาทบทวนเพิ่มเติมใหม่ได้ในอนาคต     
2. ความร่วมมือ รวม 9 สาขา คือ เกษตร ป่าไม้ และประมง / การศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์/ การสร้างเสริมสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ / บริการการเงิน / เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) / วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี พลังงาน และสิ่งแวดล้อม / วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) / การท่องเที่ยว / การส่งเสริมการค้าและการลงทุน ซึ่งมีเรื่องครัวไทยสู่โลก อุตสาหกรรมเหล็ก ยานยนต์ สิ่งทอ และการประหยัดพลังงานเป็นหลัก โดยที่ความตกลงนี้มีกลไกทบทวนปรับปรุงในอนาคต หากฝ่ายใดต้องการบอกเลิกก็สามารถทำได้เพียงแค่แจ้งอีกฝ่ายล่วงหน้า 1 ปี

กฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า
-กฎทั่วไป ซึ่งเป็นกฎหลักหรือกฎทั่วไปใช้กับทุกสินค้า
ภายใต้ข้อตกลง FTA ไทย-ญี่ปุ่น ไม่กำหนดให้ใช้กฎทั่วไป
-กฎเฉพาะสินค้า เป็นกฎที่ใช้กับสินค้าเฉพาะรายการ หรือ กฎที่ยกเว้นจากกฎทั่วไป

สินค้าภายใต้ JTEPA จัดอยู่ในกฎนี้ เกณฑ์ที่ใช้มีดังนี้
1.กฎการผลิตหรือการได้มาจากวัตถุดิบในประเทศทั้งหมด (Wholly Obtained Goods)
2.การเปลี่ยนพิกัดศุลกากร (Change in Tariff Classification)
3.กฎสัดส่วนมูลค่าวัตถุดิบภายในประเทศไทย /ญี่ปุ่น (Qualify Value Content : QVC) ซึ่งส่วนใหญ่กำหนดไว้ที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของราคาสินค้า F.O.B.
สูตร QVC = (FOB – VNM)/ FOB x 100
FOB = FREE ON BOARD (ราคาสินค้าตาม เอฟโอบี)
VNM = VALUE OF NON – ORIGINATING MATERIAL (มูลค่าวัตถุดิบที่นำเข้ามาเพื่อใช้ผลิตภายในประเทศ)

ข้อดีของ JTEPA  
          - การสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนญี่ปุ่นมั่นใจและเพิ่มการลงทุนในไทย จะส่งสัญญาณให้นักลงทุนชาติอื่นๆ ลงทุนในไทยมากขึ้นเพื่อได้ตลาดญี่ปุ่น                    
          - สินค้าเกษตร ญี่ปุ่นยกเลิกภาษีทันทีสำหรับ กุ้ง ผลไม้เมืองร้อน ผัก ผลไม้แปรรูป ผลไม้กระป๋อง ยกเลิกภาษีใน 5-10 ปีสำหรับปลาหมึก อาหารสุนัขและแมว ลดภาษีลงกว่าครึ่งหรือครึ่งหนึ่งในระยะแรกสำหรับอาหารทะเลสำเร็จรูป และไก่ต้มสุก นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังให้โควตาสำหรับ กล้วย แป้งมันสำปะหลัง กากน้ำตาล สับปะรดสด โดยไม่เสียภาษี     
          - สินค้าอุตสาหกรรม ญี่ปุ่นยกเลิกภาษีทันที สำหรับอัญมณี สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เคมีภัณฑ์ และยกเลิกภาษีใน 7 - 10 ปีสำหรับรองเท้าและเครื่องหนัง      สินค้าที่ลดภาษีทันทีคิดเป็นมูลค่าร้อยละ 80 ของสินค้าไทยที่เข้าญี่ปุ่นในปีที่ผ่านมา   
          - การค้าบริการ ไทยเปิดเสรีให้ญี่ปุ่นเพิ่มเติมจาก WTO เพียง 14 สาขา ขณะที่ญี่ปุ่นเปิดให้ไทยเพิ่มเติมหรือเปิดกว้างขึ้นจาก WTO ถึงกว่า 135 สาขา     
          - การเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา สำหรับผู้ที่จบปริญญาตรีโดยทั่วไป ญี่ปุ่นยอมรับที่จะพิจารณาเทียบวุฒิปริญญาตรีที่ได้รับในประเทศไทยเทียบเท่ากับวุฒิปริญญาที่ได้ในญี่ปุ่น ทำให้คนไทยสามารถเข้าไปตั้งกิจการให้บริการในญี่ปุ่นได้หลายสาขา อาทิ สาขาโฆษณา โรงแรม ร้านอาหาร จัดเลี้ยง จัดการประชุม จัดทัวร์ รักษาความปลอดภัย ล่ามแปล บริการดูแลคนสูงอายุ สอนภาษา รำไทย ฯลฯ     
          สำหรับพ่อครัว-แม่ครัวไทย ซึ่งไม่ต้องจบปริญญาตรี ญี่ปุ่นยอมลดเงื่อนไขการเข้าเมืองเรื่องประสบการณ์ทำงานจาก 10 ปีเหลือ 5 ปี (รวมเวลาศึกษาด้วย เช่น ปวส. 3 ปี) ส่วนการรับพนักงานสปาและคนดูแลผู้สูงอายุไทยเข้าไปทำงานในญี่ปุ่นนั้น ทั้งสองฝ่ายตกลงจะเจรจารายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อหาข้อสรุปให้ได้ภายใน 2 ปีหลัง JTEPA มีผลบังคับใช้ และมีกลไกเจรจาอาชีพอื่นๆ ที่ไม่ต้องใช้ปริญญาต่อไป    
          - ความร่วมมือสาขาต่างๆ ภาคเกษตร ธุรกิจ SMEs การท่องเที่ยว ฯลฯ ได้ประโยชน์จากกรอบความร่วมมือ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน ที่จะต้องใช้ประโยชน์จากกลไกที่วางไว้ให้เต็มที่

ข้อเสียของ JTEPA
          - เปิดเสรีภาคอุตสาหกรรมเหล็ก รถยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ผู้ประกอบการที่ต้องการให้คงภาษีปกป้องอุตสาหกรรมของตนอาจได้รับผลกระทบการพัฒนาอุตสาหกรรมชิ้นส่วนในไทยลดลง และการลงทุนด้านเทคโนโลยีระดับสูงจากญี่ปุ่นอาจจะลดลงเนื่องจากสามารถนำเข้าชิ้นส่วนที่ผลิตในญี่ปุ่นได้โดยตรงเพราะกำแพงภาษีที่ลดลง แต่ก็มีเวลาปรับตัวระหว่าง 5-11 ปี ทั้งนี้เอกชนไทยก็ทราบดีว่าเป็นแนวโน้มของการเปิดเสรีในกรอบพหุภาคี (WTO) และอาเซียน (AFTA) อยู่แล้ว นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ยังได้เตรียมกองทุนเพื่อทำงานร่วมกับสภาหอการค้าฯ และสภาอุตสาหกรรมฯ ในการให้คำปรึกษาด้านการปรับตัว            
          - รายได้จากภาษีศุลกากร เป็นปกติที่ลดภาษีแล้วประเทศจะขาดรายได้ภาษีศุลกากร รายได้ส่วนที่รัฐบาลขาดไปคือรายรับส่วนที่ผู้ผลิตประหยัดได้จากการนำเข้าวัตถุดิบ ซึ่งจะทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้ดีขึ้น รัฐบาลจะได้รายได้จากภาษีอื่นเพิ่มขึ้น เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล นอกจากนั้น การลดภาษีจะทำให้ผู้บริโภคซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่มีทางเลือก สินค้าและบริการราคาถูกลง คุณภาพดีขึ้น
          - การขาดดุลการค้ากับญี่ปุ่นคงมีต่อไป เพราะถ้าไทยจะขายสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมให้ญี่ปุ่นมากขึ้นก็ยังคงต้องนำเข้าวัตถุดิบและเครื่องจักรมาขยายการผลิตด้วยเช่นกัน การขาดดุลควรมองภาพรวมเพราะหากขาดดุลกับประเทศหนึ่งเพื่อได้ดุลกับประเทศอื่นๆ และได้ดุลในภาพรวมก็ไม่เกิดความเสียหายใดๆ

แหล่งที่มา : https://bit.ly/3g8cy3O , https://bit.ly/3dEDwhW

Share This :

More News & Events :

See All News & Events

Why Join EASY DIRECTORY ?

Our members enjoy unparalleled business growth. As the world’s largest referral network,
BNI passed over 2 million referrals last year, resulting in more than ฿700 billion in business.