เรือขวางคลอง Suez ทำให้การขนส่งทางเรือทั่วโลกหยุดชะงัก

เหตุการณ์นี่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2564  แต่ขณะนี้ก็ยังไม่สามารถเลื่อนเรือสินค้าขนาดยักษ์ที่กำลังขวางคลอง Suez ซึ่งเป็นช่องทางการขนส่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้
เบื้องต้นนักวิเคราะห์ประเมินแล้วว่าการปิดขวางนี้กำลังสร้างความเสียหายชั่วโมงละ 1.2 หมื่นล้านบาท

1. ตอนนี้เรือคาร์โกสินค้าขนาด 220,000 ตันที่ชื่อ Ever Given ที่ได้เจออุบัติเหตุเกยตื้น เนื่องจากประสบปัญหาการขาดพลังงานและโดนลมพัดรุนแรง ก็ยังติดอยู่ทางด้านใต้เกือบปลายสุดของคลองสุเอซในวันนี้
2. ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่คลองแห่งนี้ขุดเสร็จและเปิดใช้งานมากว่า 150 ปี
3. โดยปกติแล้วการจราจรในคลองสุเอซ (Suez Canal) เป็นเส้นทางการค้าทางทะเลที่พลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีปริมาณการค้าของโลก 10% ที่ต้องเดินผ่านช่องทางนี้
4. ตอนนี้การขวางของเรือ Ever Given กำลังทำให้เรืออย่างน้อย 170 ลำไม่สามารถเดินทางผ่านช่องนี้ได้ และจากรายงานได้แยกเป็นเรือประเภทต่างๆดังนี้
- เรือบรรทุกสินค้า (Bulk carrier) 40 ลำ
- เรือคอนเทนเนอร์ (Container) 35 ลำ
- เรือคาร์โก้ทั่วไป (General Cargo) 32 ลำ
- เรือน้ำมันดิบ (Crude Oil) 17 ลำ
- เรือปิโตรเคมี (Chemical Products) 17 ลำ
- เรือน้ำมันสำเร็จรูป (Oil Products) 15 ลำ
- เรือ LPG 10 ลำ
- เรือปศุสัตว์ (Livestock) 8 ลำ
5. เจ้าหน้าที่กล่าวว่าอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยถึง 2 วันในการพยายามลากจูงเรือออกจากปิดช่องเดินทางนี้
6. เบื้องต้นนักวิเคราะห์ประเมินแล้วว่าการปิดขวางนี้กำลังสร้างความเสียหายต่อการค้าของโลกประมาณชั่วโมงละ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ (1.2 หมื่นล้านบาทต่อชั่วโมง)
7. หากเรือต้องใช้เวลา 48 ชั่วโมงในการเลื่อนออกจริงๆ แปลว่าโลกเราอาจมีความเสียหายทางการค้าไป 5.8 แสนล้านบาท
8. เหตุการณ์นี้ได้ส่งผลดันให้ราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent พุ่งขึ้นไป +6% เมื่อคืนนี้เพราะเรือน้ำมันดิบจำนวนมากไม่สามารถทำการส่งออกได้ และทำให้อุปทานในโลกขาดแคลน
9. ในระยะสั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อราคาค่าขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ ที่แพงอยู่แล้วมากขึ้นไปอีก และวันนี้ทำให้หุ้นกลุ่มเรือ Container ของไทยได้แรงหนุนไปด้วย

บริษัทเรือยักษ์ใหญ่อาจเริ่มส่งเรืออ้อมโลก

เนื่องจากบริษัทเรือยักษ์ใหญ่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คลอง Suez จะทำการเคลียร์ทางสำเร็จ การส่งเรืออ้อมทวีปแอฟริกาอาจใช้เวลาเดินทางมากขึ้น 10 วัน และสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่า 10 ล้านบาทต่อลำ

สถานะการณ์ล่าสุด
1. บริษัทเรือยักษ์ใหญ่ Maersk และ Hapag-Lloyd อาจพิจารณาเริ่มส่งเรือให้เดินทางอ้อมไปทางใต้ของทวีปแอฟริกา เพื่อที่จะได้ส่งสินค้าระหว่างยุโรปและตะวันออกกลางได้
2. การส่งเรือให้เดินทางอ้อมโลก เพื่อที่จะไม่ต้องรอคลอง Suez ให้ดึงเรือปิดกั้นออกสำเร็จนั้นอาจใช้เวลาเดินทางมากขึ้น 10 วัน และใช้น้ำมันมากกว่า 10 ล้านบาทต่อลำ
3. เหตุผลที่ทางบริษัทเรือต่างๆอาจต้องตัดสินใจเช่นนี้เพราะ จากตอนแรกที่หลายฝ่ายคาดว่าอาจต้องใช้เวลา 2 วันในการลากเรือออก แต่ต่อมาก็มีรายงานจากทีมขุดเจาะและลากเรือว่าอาจต้องรอให้ถึงวันอาทิตย์เพื่อรอให้น้ำขึ้นถึงจะลากเรือออกมาได้
แต่รายงานล่าสุด เริ่มมีการกล่าวว่าอาจต้องใช้เวลาลากยาวไปเป็นหลายอาทิตย์ก็เป็นได้เลยทีเดียว กว่าจะทำการเคลียร์คลอง Suez ได้สำเร็จ
4. ในขณะนี้มีรายงานว่าคิวเรือที่จ่อรอข้ามช่องแคบนี้ได้เพิ่มเป็นกว่า 250 ลำแล้ว  ทำให้ธุรกิจขนส่งทางเรือทั่วโลกต้องหยุดชะงักเป็นครั้งใหญ่
5. ทุกๆชั่วโมงที่เรือต้องรอเพื่อข้ามช่องแคบ คือความเสียหายทางการค้าโลกชั่วโมงละ 1.2 หมื่นล้านบาท ทำให้ความเสียหายรวมจากวิกฤตครั้งนี้อาจเกินหลักหลายล้านล้านบาท
6. สถานการณ์นี้ได้กลายเป็นวิกฤตการขนส่งทางเรือครั้งใหญ่ที่สุดของโลกอย่างแท้จริง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นเรื่องผิดธรรมดาอย่างมาก และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่คลองแห่งนี้ขุดเสร็จและเปิดใช้งานมากว่า 150 ปี

แหล่งที่มา : https://bit.ly/3lPB4ee

สนใจขอคำปรึกษา อยากได้คำแนะนำ หรือติดปัญหา สามารถติดต่อทีมงาน Lissom Logisticsได้จากช่องทางข้างล่างนี้
TEL : 02-8959771
MOBILE : 091- 4195466
E – MAIL : [email protected]
WEBSITE : http://www.lissom-logistics.co.th/index.php